(บทความที่ 18)
สิทธิผู้ค้ำประกัน
การเป็นผู้ค้ำประกันก็มีสิทธิที่จะป้องกันตัวจากการที่จะต้องรับภาระจ่ายหนี้ ในกรณีที่ลูกหนี้ที่เราไปค้ำประกันไว้เกิดไม่ยอมจ่ายหนี้ขึ้นมา และเจ้าหนี้ก็มุ่งมาเก็บหนี้นั้นที่เรา เราก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องรีบจ่ายเงินกฎหมายยังให้สิทธิเราที่จะบอกให้เจ้าหน้าที่ไปตามเก็บลูกหนี้โดยตรงก่อนได้ โดยเฉพาะหากทราบว่าบุคคลนั้นอยู่ที่ใดหรือรู้ว่ามีทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ อาทิ รถยนต์ ที่ดิน เงินสด และของมี ค่าอื่นๆ ก็สามารถแจ้งให้เจ้าหนี้ไปดำเนินกระบวนการอายัดมาเพื่อจ่ายหนี้สินนั้นได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่เจ้าหนี้มีทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ใช้เป็นหลักประกันอยู่ก่อนแล้ว ผู้ค้ำประกันก็มีสิทธิที่จะบอกให้เจ้าหนี้นำเอาหลักประกันนั้นไปใช้หนี้ก่อนที่จะมาเรียกเก็บกับเราซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งหลักการนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 688 มาตรา 689 และมาตรา 690
อย่างไรก็ตามการใช้สิทธิป้องกันของผู้ค้ำประกันตามมาตรา 688 กฎหมายก็มิได้บังคับว่าเจ้าหนี้จะต้องไปฟ้องบังคับเอาจากลูกหนี้ก่อนตามที่ผู้ค้ำประกันใช้สิทธิป้องกันแต่อย่างใด ส่วนการใช้สิทธิป้องกันของผู้ค้ำประกันตามมาตรา 689 และมาตรา 690 นั้น ผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ให้ได้ความว่าลูกหนี้มีทางชำระหนี้ได้และการบังคับไม่เป็นการยาก หรือผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ว่าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกัน ซึ่งการใช้สิทธิป้องกันดังกล่าวนั้นผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์และยกขึ้นว่ากล่าวต่อศาล ในข้อโต้แย้งหรือสิทธิประการใดต่อเจ้าหนี้อันเป็นประเด็นที่พิพาทกัน