(บทความที่ 24)
การจัดสรรปันส่วนแบ่งมรดก
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตายจะต้องพิจารณาว่าผู้ตายมีคู่สมรสหรือไม่ หากมีคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องแบ่งสินสมรสคนละส่วนกัน และต้องพิจารณาก่อนว่าเจ้ามรดกมีการทำพินัยกรรมไว้หรือไม่ หรือหากทำพินัยกรรมมีผลเช่นไร หากมีการทำพินัยกรรมหรือพินัยกรรมมีผลบังคับแต่เพียงบางส่วน การแบ่งมรดกจะต้องเป็นไปตามพินัยกรรมที่เจ้ามรดกทำไว้ ถ้าไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือพินัยกรรมในส่วนที่ไม่มีผลบังคับ กองมรดกของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาท โดยจะต้องพิจารณาต่อไปว่า มรดกตกทอดแก่ทายาทผู้ใด
โดยทายาทโดยธรรมมีทั้งหมด 6 ลำดับเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับมรดก ก่อนหลังดังต่อไปนี้
(1) ผู้สืบสันดาน ก็คือ ลูก หรือ หลาน
(2) บิดามารดา
(3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
(5) ปู่ ย่า ตา ยาย
(6) ลุง ป้า น้า อา
โดยลำดับชั้นของการรับมรดกนั้นจะเรียงไปตามลำดับก่อนหลัง หากทายาทลำดับที่ (1) ยังมีชีวิตอยู่ ทายาทในลำดับถัดไปก็ไม่มีสิทธิได้รับมรดก แต่ก็มีข้อยกเว้นว่าทายาทลำดับที่ (1) ยังมีชีวิตอยู่ และบิดามารดาของผู้ตายก็ยังมีชีวิตอยู่ ทายาทลำดับที่ (2) บิดามารดาของผู้ตายนั้นจะได้รับส่วนแบ่งมรดกเหมือนทายาทชั้นบุตร คือ ชั้นผู้สืบสันดานในฐานะเท่ากับลูกของผู้ตาย ให้แบ่งมรดกเท่า ๆ กัน เพราะกฎหมายถือว่าเป็นญาติในลำดับที่สนิทที่สุด
ส่วนคู่สมรสที่ได้จดทะเบียนโดยชอบตามกฎหมาย ให้แบ่งสินสมรสให้กับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ครึ่งหนึ่งก่อน แล้วทรัพย์มรดกส่วนที่เหลือจึงจะแบ่งให้แก่ทายาท กล่าวคือ นอกจากคู่สมรสจะแบ่งสินสมรสมาครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ได้รับมรดกของผู้ตายส่วนที่เหลืออีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะมีทายาทลำดับใดมีชีวิตอยู่ คู่สมรสจะได้รับส่วนแบ่งเสมอจะมากน้อยตามที่กฎหมายกำหนด
ฉะนั้น เมื่อเจ้ามรดกทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยย่อมไม่มีปัญหามากหนัก แต่ถ้าไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ย่อมกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอยู่พอสมควร หากกรณีที่ผู้ตายซึ่งเป็นเจ้ามรดกมีสามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันถูกต้อง ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งจากมรดกส่วนที่เป็นสินสมรสก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625 ส่วนสินสมรสที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็จะตกเป็นมรดกของทายาท ดังนั้น คู่สมรสจึงมีสิทธิได้รับมรดกอีกครั้งหนึ่งในฐานะทายาทร่วมกับทายาทโดยธรรมผู้ตายที่ยังมีชีวิตอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629, 1635 (1)
ตัวอย่างเช่น นาย ก และนาง ข เป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย และมีทรัพย์สินรวมกัน 1,000,000 บาท มีบุตรด้วยกัน 1 คน และมีบิดามารดาของนาย ก ยังมีชีวิตอยู่ด้วย ต่อมานาย ก เสียชีวิต เบื้องต้นทรัพย์สินจำนวน 1,000,000 บาท นาง ข จะได้รับเงินจำนวน 500,000 บาท ไปก่อนซึ่งถือเป็นเงินสินสมรส ส่วนที่เหลืออีก 500,000 ก็ตกเป็นมรดกของทายาทนาย ก ตามลำดับ ประกอบด้วยบุตร บิดามารดา ที่ยังมีชีวิต และนาง ข ภรรยาอีกด้วย โดยจะได้ส่วนแบ่งในอัตราสัดส่วน เท่าๆ กัน คือคนละ 125,000 บาท ขณะที่นาง ข ภรรยาจะได้เงินรวมทั้งสิ้น 625,000 บาท