(บทความที่ 26)
การรับบุตรบุญธรรมให้เกิดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
การรับบุตรบุญธรรม หมายถึง การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปรับบุคคลหนึ่งมาอุปการะเลี้ยงดูเหมือนบุตรของตนเอง โดยบุคคลนั้นไม่ใช่บุตรโดยกำเนิดของตน ซึ่งผู้รับบุตรบุญธรรมกับผู้ที่จะมาเป็นบุตรบุญธรรมจะมีความเกี่ยวพันกันในทางเครือญาติหรือไม่ก็ได้ คืออาจไม่ใช่ญาติสืบสายโลหิต และผู้ที่จะมาเป็นบุตรบุญธรรมอาจจะเป็นผู้เยาว์หรือบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หรืออาจไม่ได้มีสัญชาติเดียวกันกับผู้รับบุตรบุญธรรมก็ได้ อย่างไรก็ตามการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวจักต้องดำเนินการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้นแล้วย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมแต่อย่างใด
หากเราต้องการรับบุตรบุญธรรมก็ควรจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและสมบูรณ์ โดยจะต้องไปจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรม เช่น การมีสิทธิรับมรดก ซึ่งหากไม่มีการจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมจะทำให้บุตรบุญธรรมผู้นั้นไม่ได้รับสิทธิและหน้าที่จากผู้รับบุตรบุญธรรมเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/27 อย่างไรก็ตาม ผู้รับบุตรบุญธรรมจะไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/29 ตัวอย่างเช่น เจ้ามรดกที่ตายไปได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่บุตรบุญธรรมจึงมีสิทธิได้รับมรดกในสถานะเดียวกับผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน เหลน) บิดามารดา และคู่สมรสของเจ้ามรดก ในทางกลับกันพ่อหรือแม่รับบุตรบุญธรรมจะไม่มีสิทธิรับมรดกจากบุตรบุญธรรม เพราะหากให้สิทธิดังกล่าวอาจเกิดการรับบุตรบุญธรรมเพื่อหวังผลประโยชน์ทางมรดกก็ได้